สถิติผู้เยี่ยมชม

mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterToday46
mod_vvisit_counterYesterday46
mod_vvisit_counterThis week170
mod_vvisit_counterLast week182
mod_vvisit_counterThis month170
mod_vvisit_counterLast month1212
mod_vvisit_counterAll days547753

Online (20 minutes ago): 6
Your IP: 18.97.14.87
,
Today: ธ.ค. ๐๔, ๒๕๖๗
หลวงพ่อปานเล่าเรื่องการบวงสรวง PDF พิมพ์ อีเมล
เขียนโดย Administrator   
วันอังคารที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ เวลา ๐๗:%M น.



หนังสือประวัติหลวงปู่ปาน

การบวงสรวง

         เรื่องของการบวงสรวง ถ้ามองกันในแง่ที่เข้าใจในปัจจุบัน หรือในทัศนะของนักปราชญ์กระดาษ ก็ดูจะเป็นเรื่องงมงายเกินไป แต่ถ้าจะพูดกันตามมุมของท่านที่ฝึกทางจิตใจจนจิตมีความสว่างพอใช้งานได้ แม้แต่เพียงฌานโลกีย์และฝึกด้านวิชชา 3 ก็จะเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่มีผลไม่น้อย การที่เอาเรื่องนี้มาพูดก็เพราะเรื่องที่จะรู้จักท่านขุนด่านก็มาจากเรื่องบวงสรวงเป็นปัจจัย คำว่าปัจจัยแปลว่าเครื่องอาศัย จะอาศัยทางวัตถุหรือทางจิตก็ตาม ต้องอาศัยแล้วเรียกปัจจัยทั้งสิ้น จะลืมบอกไปเสียแล้วว่าวันนี้ตรงกับวันที่ 4 ธันวาคม 2514 มาพูดกันเรื่องบวงสรวงต่อไป ฉันพบเรื่องบวงสรวงครั้งแรกตอนปลายเดือนกรกฏาคม 2480 วันหนึ่ง หลวงพ่อปานท่านมีธุระจะอัญเชิญพระพุทธรูปไปไว้ที่วัดเขาสะพานนาค มีคุณหลวงวิริยะฯ และคุณหลวงกิจฯ ทั้งสองท่านนี้มีบรรดาศักดิ์คือราชทินนามเต็มว่าอย่างไรฉันไม่ทราบ เพราะเห็นหลวงพ่อท่านเรียกว่าคุณหลวงวิริยะ คุณหลวงกิจ เท่านั้น ก็เลยทราบชื่อท่านเพียงเท่านี้ ท่านทั้งสองมารับพระพุทธรูป หลวงพ่อท่านมีบัญชาให้ฉันไปนิมนต์พระมาในพิธีบวงสรวง ท่านเลือกเฉพาะพระที่ทรงฌานทั้งหมดรวม 4 องค์ ฉันกับสองลิงคงนั่งดูพิธีบวงสรวง ฉันสงสัยเรื่องของการบวงสรวงว่าที่ท่านทำนั้นมีผลเพียงใด จึงเรียนถามหลวงพ่อก่อนพิธีบวงสรวงว่า การบวงสรวงเชิญใครกันครับ ท่านบอกว่าเชิญท้าวมหาราชทั้งสี่ มีท้าวเวสสุวัณ ท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปปักษ์ และบริวารทั้งหมด ถามท่านว่าเชิญมาทำไม ท่านบอกว่าท่านทั้งสี่บอกท่านไว้ว่าเมื่อมีงานสำคัญเกิดขึ้นขอให้บอกท่าน โดยท่านแนะนำพิธีการไว้ เมื่อบอกแล้วทุกท่านจะมาช่วย ฉันยิ่งแปลกใจใหญ่ เรียนถามท่านว่าเมื่อเชิญแล้วท่านทั้งสี่พร้อมด้วยบริวารมาหรือเปล่าครับ ท่านหันมาถามว่าแกไม่เคยเห็นหรือ ฉันเคยเชิญมาหลายครั้งแล้ว แกไม่เคยเห็นท่านหรือ ความจริงเคยเห็นท่านเชิญเหมือนกัน แต่ไม่ได้สนใจและไม่ได้อยู่ในวงการ เมื่อเห็นท่านเชิญก็เดินเลยไปเสีย คิดว่าเป็นเรื่องมายืนว่าคาถาสวดมนต์ธรรมดา ไม่มีอะไรนอกไปจากธรรมดาของพระ เมื่อเอะอะก็สวดมนต์ดะ สวดเพื่อสงเคราะห์คนฟังบ้าง สวดเพื่อสงเคราะห์กระเป๋าตนเองบ้าง ที่สวดเพื่อสงเคราะห์กระเป๋าตนเองมีปริมาณมากกว่าสวดเพื่อสงเคราะห์คนฟัง ที่พูดอย่างนี้ก็เพราะเคยอยู่ร่วมใน วงการของพระ จะสังเกตไม่ยากพวกสวดเพื่อสงเคราะห์กระเป๋าตนเองมีลีลาการสวดหลายแบบ พิธีนี้ใช้บทนั้น พิธีนี้ใช้บทนี้ พอสวดกลับมาก็ตรวจตราซองที่ใส่เงิน บ้านนี้ได้เท่านี้หว่า บ้านนี้ให้เท่าไร บ้านไหนให้น้อยคิดด่าส่ง ที่ออกปากด่าเสียก็ไม่น้อย บางรายไปบังสุกุล เจ้าภาพให้น้อย เท่าที่เคยเห็น เจ้าภาพถวายเงิน 1 สลึง น้ำตาล 1 ห่อ สบง 1 ตัว พอออกจากวัดไปบังสุกุลพวกเอาน้ำตาลที่เขาถวายมาวางไว้ที่ตรอกวัดเป็นแถว พวกจัญไรพวกนี้เป็นพวกทำลายพระศาสนาแท้ ๆ ไม่มีใครเหลียวแลเสียบ้างเลย น่าจะตรวจใบสุทธิ ทราบว่าใครเป็นอุปัชฌาย์แล้วจับอุปัชฌาย์สึกเสีย จะได้ไม่บวชส่งเดชเพื่อหวังเฉพาะค่าจ้างแรงงาน จะได้ปกครองสัทธิวิหาริกตามพระวินัย เลวจริง ๆ ที่ไม่มีใครสนใจพระธรรมวินัยกันเลย สำหรับท่านที่สวดเพื่อสงเคราะห์ ท่านสวดตามแบบที่ท่านประชุมตกลงกันและไม่หวังผลตอบแทน ได้หรือไม่ได้ ให้หรือไม่ให้ก็ไม่สนใจ สนใจอย่างเดียวคือสวดให้ฟังเล่นเพลิน ๆ พอมีผลทางใจบ้าง ไม่ใช่ไม่มีผลเลย เพราะคนฟังธรรมเพลิน แม้ไม่รู้เรื่องก็สามารถไปสวรรค์ชั้นกามาวจรได้ มาพูดถึงเรื่องบวงสรวงกันต่อไป เมื่อฉันถามท่านว่าเขามากันหรือเปล่า ท่านก็ย้อนถามฉันว่าไม่เคยเห็นหรือ ความจริงตอนนั้นฉันบวชยังไม่ถึง 15 วัน มัวตั้งท่าตั้งอารมณ์คุมสมาธิท่าเดียว ยังไม่ได้ฝึกพิเศษ ก็ตอบท่านว่าไม่เคยเห็นและไม่เคยสนใจ ท่านร้องว่า ทุด! นี่เป็นศัพท์ที่ท่านผู้ใหญ่ชอบใช้เมื่อเห็นพลพรรคไม่เป็นเรื่อง แล้วท่านก็บอกว่า เอาอย่างนี้สิ เมื่อพวกฉันเชิญ แกคอยนั่งดูนะว่ามีใครมาบ้าง หรือไม่แน่ใจว่าจะเห็นได้ เมื่อฉันเชิญจบสวด 5 ครั้งแล้ว แกบอกในใจว่า ขอเชิญท่านท้าวมหาราช ทั้ง 4 หรือองค์ใดองค์หนึ่ง ขอให้ท่านกรุณาไปพบในขณะที่ท่านทำสมาธิ จะเป็นเวลาเท่าไหร่ก็ได้ แต่แกต้องตั้งอารมณ์ให้เป็นสมาธิจริง ๆ นะจะเห็นท่านได้ ต้องการสี่องค์หรือองค์ไหนก็ตามจงทำตามนี้นะ ฉันรับปากท่านว่าจะทำตามนั้น เรื่องสงสัยยังไม่หมด คือ พระองค์ นิดเดียวที่ท่านจะมอบไปวัดเขาสะพานนาค ถามท่านว่า เขาบอกว่าจะช่วยงานใหญ่และสำคัญ ก็เวลานี้หลวงพ่อจะมอบพระองค์เล็กนิดเดียวให้วัดเขาสะพานาค เขาจะมาหรือครับ ท่านถามว่าแกเห็นว่าเรื่องอาราธนาพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องเล็กนักหรือ พอท่านถามก็ตกใจ และคิดว่าเราเลวมากเสียแล้วที่เห็นเรื่องของพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องเล็ก ท่านสั่งให้ขอขมาพระพุทธเจ้าทันที ลูกหลานจำให้ดีนะ พระพุทธรูปในเมื่อเขาสร้างแทนองค์พระพุทธเจ้า เราเอารูปพระเจ้าแผ่นดินซึ่งเป็นปุถุชนเหมือนกันแต่ท่านมีบารมีมากกว่า ทำบุญมาดีกว่า ท่านจึงได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน เอามาวางไว้ในที่ๆ ไม่สมควร ฉันคิดว่ากฎหมายอาจจะลงโทษฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพได้ เขาร่างกันไว้ตามนี้หรือเปล่าก็ไม่ทราบ ฉันคิดเอาเอง และก็คิดว่าน่าจะมีกฎหมายบังคับ เพราะถ้าท่านบุญไม่ถึงจริง ๆ ท่านเป็นพระเจ้าแผ่นดินไม่ได้ เว้นแต่บุญของท่านจะไปยับยั้งลงเมื่อไรเท่านั้นเอง ก็พระพุทธรูปในเมื่อเขาสร้างแทนองค์พระพุทธเจ้า เมื่อเราปรามาสจะไม่มีโทษหรือ ที่เขาซื้อขายกันนั้นเขาไม่ได้ซื้อขายพระพุทธเจ้า เขาขายวัตถุ ตามที่เขาเข้าใจเพราะฉันเคยเห็นเจ้าของร้านค้าพระพุทธรูปที่เป็นจีนเคยขากถุยลงในที่ ๆ มีพระพุทธรูปวางอยู่นั่นเป็นเรื่องของคนขาย แต่เราพุทธศาสนิกชน เราทำอย่างนั้นไม่ได้ 

ที่มาหนังสือประวัติหลวงปู่ปาน

 
Secured by Siteground Web Hosting